วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีไดเอต เมื่อกินเกินพิกัด

เกร็ดความรู้ วิธีไดเอต เมื่อกินเกินพิกัด
  1. ดื่มน้ำส้มคั้นสด มีวิตามินที่ช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญ หากรับประทานเป็นผล จะมีเส้นใยธรรมชาติ ช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว
  2. ทานอาหารจำพวกธัญพืช (ชนิดไขมันต่ำ) อาจทานตอนเช้า (หากไม่มีเวลาทานข้าว) ธัญพืชเหล่านี้ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ระบบจะย่อยช้า ๆ เข้าสู่ร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มท้องนาน
  3. เคลื่อนไหวร่างกาย หลังเลิกงาน อาจเรียกเหงื่อด้วยการเดินเล่น หรือวิ่ง หากมีเวลาอาจเล่นกีฬาที่ชอบสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง (การเคลื่อนไหวเร็ว ๆ จะเผาผลาญได้ 140 แคลอรีในครึ่งชั่วโมง)
  4. เคี้ยวอาหารช้าๆ เพราะการทานเร็ว จะทำให้ทานมากเกินอัตราโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารหลัง 6 โมงเย็น หรือช่วงเวลากลางคืน
  5. ทานผัก-ผลไม้ เพราะผักจะให้พลังงานน้อย แต่ให้สารอาหารมาก ส่วนผลไม้ เลือกทานที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ แตงโม แคนตาลูป เลี่ยงผลไม้หวานจัด ให้พลังงานสูง


*************** ^_________^ ***************

ที่มา http://sakid.com/2009/09/23/17723/

เกร็ดความรู้ วิธีกำจัด ความเขิน

เกร็ดความรู้ วิธีกำจัด ความเขิน
  1. เริ่มจากการวิเคราะห์ตัวเอง วิธี ที่ถูกต้องที่สุดก็คือ การตั้งใจที่จะค้นหา ว่าอะไร เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเขินอาย ลอง เปิดใจ วิจาร์ตนเองอย่างตรงไปตรงมา ก็จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่า ความเขินอายเกิดขึ้นเพราะอะไร? ความกลัว? คิดไปเอง?หรือจริงๆ แล้ว ตัวคุณขาดตกบกพร่อง คุณลักษณะในข้อไหน เมื่อวิเคราะห์ตัวเอง จนได้เหตุผลออกมาเป็นข้อๆ จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์จริงได้
  2. ลงมือฝึกซ้อม การฝึกซ้อม เพื่อขจัดความเขินอาย เป็นวิธีที่ดีสุด ที่คุณจะใช้ในการเผชิญหน้า และรับมือกับปัญหา ลองเริ่มต้นฝึกซ้อมกับตัวเองง่าย เช่น ยืนอยู่หน้ากระจก ยกคาง จัดใบหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ดูดี ฝึกการยืน – การเดิน ให้ดูสง่าผ่าเผย ฝึกการพูดให้เสียงดังฟังชัด หรือจะฝึกร้องเพลงก็ได้ หลังจากนั้น คุณจะเห็นผลลัพธ์ และรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ ความั่นใจในที่สาธารณะก็จะเกิดขึ้นตามมา
  3. ฝึกปฏิบัติต่อไป หลัง จากฝึก การพูด การยืน การเดิน และลักษณะบุคลิกต่างๆ ไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการเริ่มฝึกใช้ อวัจนภาษา เช่น การใช้สายตา เพื่อสื่อความหมาย การฝึกยิ้มให้กับผู้คนรอบข้าง การรู้จักเริ่มเปิดบทสนทนากับผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง การเริ่มพูดคุยกับคนแปลกหน้า เช่น พูดคุยกับคนขายหนังสือ “ช่วงนี้ มีหนังสือออกใหม่แนะนำบ้างมัยครับ/ค่ะ วิธีการเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ให้กับคุณทีละน้อย และการฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจของคุณให้มากขึ้น
  4. แต่งกายดูดี มีรสนิยม การ แต่งกายคือสิ่งที่แสดงออกถึงลักษณะ และบุคลิกภาพของคุณ และการแต่งกายที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้นได้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ตามมาในทางอ้อม สำหรับการแต่งกายให้ดูดี ก็คือ จะช่วยให้คุณมีสติสัมปชัญะ เพิ่มมากขึ้น (เป็นผลกระทบ ที่เกิดขึ้น หลังจากมีความมั่นใจ)แต่ในทางตรงกันข้าม การแต่งกายที่ โอเวอร์ – ออฟชั่น มากเกินไป จะย้อนกลับมา เป็นสิ่งที่รบกวน ความมั่นใจของคุณ
  5. เรียนรู้ และยอมรับความจริง เป็นไป ไม่ได้ ที่เราจะได้ยินแต่คำว่า ใช่เลยยย! ถูกต้อง! ใช่แล้ว อย่างนี้ล่ะ! ในทุกๆ สถานการณ์ หลายๆ ครั้ง สิ่งที่เราคาดหวัง กับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มักไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน การยอมรับความจริง และอยู่บนความเป็นจริง เปรียบเสมือนสุดยอดเคล็ดลับวิชา ที่ช่วยให้เราเข้าใจโลก เมื่อเราใช้ความจริง และความเข้าใจ เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ความกลัวในเรื่องต่างๆ ก็จะหมดไป
  6. ศึกษาจาก คนรอบข้าง ลองพิจารณา คนที่ใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจ นี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่คุณจะได้ ศึกษาเรียนรู้เคล็ดลับในการขจัดความเขินอาย ได้อย่างง่ายๆ
  7. คิดในทางบวก ช่วยได้ ใน เรื่องไม่ดี มักจะมีเรื่องดีๆ แฝงเอาไว้ด้วยเสมอ มิเช่นนั้น คงไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จ จากการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส! การคิดในทางบวก กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จะช่วยให้คุณมองข้ามข้อเสีย และเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนกว่า



************** ^_________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2009/11/23/19121/

วิธีแก้แสบร้อนที่มือ เพราะพริกขี้หนู

เคล็ดลับ วิธีแก้แสบร้อนที่มือ เพราะพริกขี้หนู

สะกิดมีเคล็ดลับ วิธีแก้แสบร้อนที่มือมาฝาก
เวลา หั่น ซอย หรือว่าเด็ดพริกขี้หนู แล้วสิ่งที่ได้ มากกว่าความเผ็ด ของอาหาร ก็คือความร้อนแสบ ไปทั่วบริเวณนิ้ว หรือมือที่สัมผัสกับพริกขี้หนู ที่ฤทธิ์ไม่พริกขี้หนูเอาเสียเลย แก้ได้ไม่ยากค่ะ
  • วิธีแรก ให้นำเกลือแกง ก็เกลือเค็ม ๆ ที่เราใช้ปรุงอาหารนี่ล่ะค่ะ สักหนึ่งช้อนแกง ลูบลงบนมือ ถูไปถูมา ความแสบร้อน ก็จะคลายลง
  • อีกวิธีนึง ใช้แป้งค่ะ จะแป้งเด็กทาตัว หรือแป้งหมี่ ที่เราใช้ทำอาหารก็ได้ ลูบถูไป ตรงบริเวณที่รู้สึกแสบร้อน สักครู่ก็จะรู้สึกดีขึ้น


**************** ^ ________^  ****************

ที่มา http://sakid.com/2007/07/24/6635/

บำรุงผม ให้สวย ด้วย “เบียร์”

บำรุงผม ให้สวย ด้วย “เบียร์”
รู้ไหมคะว่าเบียร์ที่คุณผู้ชายชอบทานกันมากๆ สามารถช่วยให้ผมที่ลีบแบนดูพองตัวหนา และมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นด้วย
วิธีทำ
1.สระผมด้วยแชมพูธรรมดา
2.ล้างน้ำออกให้หมด
3.เทเบียร์ลงบนเส้นผมพอหมาดๆ ขยี้ให้ทั่วศรีษะ ทิ้งไว้ 5-10 นาที
4.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
5.ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ

*************** ^________^ ***************

ที่มา http://sakid.com/2006/08/20/2849/

ข้อแนะนำ… ในการลดน้ำหนัก

เรื่องน่ารู้ ข้อแนะนำ… ในการลดน้ำหนัก
  1. ลดน้ำหนักทีละน้อย สัปดาห์ละ 1/2-1 กิโลกรัม
  2. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ไม่ขาดหมู่ใดหมู่หนึ่ง
  3. กินอาหารให้ครบทุกมื้อและลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลง
  4. งดอาหารขบเคี้ยวทุกชนิดและอาหารว่างระหว่างมื้อ
  5. งดขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม อาหารขยะทุกชนิด
  6. งดอาหารทอดที่มีไขมันสูง เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยแขก ฯลฯ
  7. งดการใช้น้ำตาลในการปรุงอาหาร
  8. งดเนื้อสัตว์ติดมัน และหนังสัตว์ ใช้เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ (Lean meat) ปลา ฯลฯ
  9. กินผลไม้ที่มีรสหวานไม่จัด และกินผลไม้ทั้งผล งดการกินน้ำผลไม้คั้น ผลไม้กระป๋อง
  10. กินผักใบเขียว-ขาว และผักอื่น ๆ ทุกมื้อ และหลากหลายชนิดใน 1 วัน
  11. ตักข้าวตามจำนวนที่ต้องกินครั้งเดียว ไม่ตักเพิ่มอีก
  12. กินอาหารช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียดประมาณคำละ 10 ครั้ง
  13. กินอาหารพออิ่ม ไม่เสียดายอาหารที่เหลือ
  14. ออกกำลังกายให้เพียงพอและสม่ำเสมอทุกวัน


**************** ^_________^ ****************

ที่มา http://sakid.com/2010/03/30/21571/

เกร็ดความรู้ วิธีฉีดน้ำหอมอย่างถูกต้อง

เกร็ดความรู้ วิธีฉีดน้ำหอมอย่างถูกต้อง
  • เริ่มจากการฉีด (หรือแตะแต้ม) น้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณลงบนข้อมือ แต่อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน เพราะอาจสร้างความรบกวนให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ แค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัว
  • จากนั้น ทาตามจุดชีพจรต่างๆเพียงเล็กน้อย อย่างเช่นบริเวณฐานคอ หลังตึงหู บริเวณข้อพับแขน ร่องอก ตามแนวไหปลาร้า และบริเวณหลังหัวเข่า (ถ้าคุณใส่ชุดหรือกระโปรงสั้น)
  • อย่าฉีดน้ำหอมลงบนเส้นผมหรือแปรงๆ ผมเด็ดขาด ยกเว้นว่าเส้นผมของคุณจะสะอาดจริงๆ เพราะน้ำมันบนเส้นผมอาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเปลี่ยนไปได้
  • คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำหอมนั้นจะเกิดปฎิกิริยาตอบโต้กับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ฉะนั้น อย่าหวังว่าน้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณจะส่งกลิ่นเดิม เวลาที่คุณเครียด มีรอบเดือน หรือตั้งครรภ์


*************** ^_________^ ****************


ที่มา http://sakid.com/2010/02/06/20487/

ประโยชน์สำคัญ ของพริกป่น

เก็บมาฝาก ประโยชน์สำคัญ ของพริกป่น
สะกิดเอาเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ของพริกป่นมาฝาก (นิตยสาร ขวัญเรือน)
  1. ในพริกป่นมีทั้งรสและกลิ่นเผ็ดร้อน ที่ช่วยให้เกิดอาการตื่นตัว ซึ่งส่วนประกอบในพริก ที่ทำเรารู้สึกอย่างนั้นก็คือ capsaicin มีการศึกษาพบว่าcapsaicin ในพริก มีความสามารถ ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเซลล์ดีภายในร่างกาย
  2. พริกป่นมีคุณสมบัติ ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ของกล้ามเนื้อหลังได้ดี คุณสามารถบำบัดอาการปวดเมื่อย ได้ที่บ้านด้วยการใช้พริกป่น ใส่ลงในอาหารที่รับประทาน
  3. พริกป่นช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด ให้เป็นปกติหลังจากมื้ออาหาร ที่คุณตัดลดคาร์โบไฮเดรตลงไป เพราะฉะนั้น จึงมีการศึกษา เพื่อจะใช้พริกป่นมาช่วย ในการบำบัดรักษาโรคอ้วนอยู่ในขณะนี้
  4. ส่วนผสมอันดับหนึ่ง ที่ช่วยในการทำความสะอาด หรือดีท็อกซ์ร่างกายก็คือพริกป่น เพราะในพริกป่น มีสารที่ช่วยกระตุ้น กระบวนการทำความสะอาดร่างกาย ด้วยตัวเอง ทั้งยังช่วยยับยั้ง เมือกที่จับอยู่ภายในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ด้วย



*************** ^__________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2008/02/09/7928/

เกร็ดความรู้ วิธี ทำความสะอาดผ้าม่าน

เกร็ดความรู้ วิธี ทำความสะอาดผ้าม่าน
  • วิธีทำความสะอาด ผ้าม่านที่เป็นใยสังเคราะห์ ควรซักด้วยมือ
  • ก่อนซักควรปัดฝุ่นให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นเทน้ำยาซักผ้าลงบริเวณที่เปื้อน แล้วจุ่มลงในน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น
  • แล้วอย่าบิด ควรคลี่ตากเพราะเวลาแห้งจะได้ผ้าม่านที่เรียบ



*************** ^__________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2009/12/17/19684/

วิธีเช็ดเครื่องสำอาง แบบถูกวิธี

บทความดีๆ วิธีเช็ดเครื่องสำอาง แบบถูกวิธี
  • ผิวรอบดวงตา ผิวรอบดวงตาเป็น บริเวณที่บอบบางมากที่เวลาที่ทำความสะอาดแนะนำให้หยดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ใส่ลงสำลีพอประมาณ จากนั้นเช็ดออกอย่างเบามือห้ามถูไปถูมาเด็ดขาด ถ้าเป็นตรงเปลือกตาก็ค่อยๆ เช็ดลงมาจนถึงตรงขอบตาเพื่อจะรูดมาสคาร่าให้ติดออกไปตามปลายขนตา สำหรับตรงขอบตาก็แนะนำให้พับสำลีเป็นมุมสามเหลี่ยมเช็ดออกอย่างเบาๆ
  • ริมฝีปาก เมื่อพับสำลีเป็น สามเหลี่ยมแล้วก็ใช้ตรงมุมเช็ดตามร่องปาก โดยเช็ดในแนวดิ่งจากด้านในออกมาตรงด้านนอกริมฝีปากไม่แนะนำให้ถูในแนวขวาง เพราะจะทำให้ริมฝีปากแตกและถ้าทำซ้ำๆ นานๆ ไปมีผลให้ริมฝีปากเป็นร่องและมีรอยย่นเหี่ยว
  • ผิวหน้า เริ่มจากบริเวณที โซนก่อน โดยเริ่มวนจากบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง และควรใช้นิ้วนางและนิ้วกลางสำหรับคลึงวนในการทำความสะอาด โดยคลึงวนออกตามจุดต่างๆ บนผิวหน้าถ้าคุณเลือกใช้คลีนซิ่งออยล์ก็สามารถล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดได้เลย แต่ถ้าเป็นคลีนซิ่งเจลหรือน้ำนมคุณต้องซับหน้าด้วยทิชชูก่อนแล้วค่อยตามด้วย น้ำสะอาดและโฟมล้างหน้า



*************** ^_________^ ***************

ที่มา http://sakid.com/2009/11/10/18768/

เกร็ดน่ารู้ 10 วิธีเพิ่มความจำดีๆ

เกร็ดน่ารู้ 10 วิธีเพิ่มความจำดีๆ
  1. ออกกำลัง นาน 20-30 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์
  2. ฝึกคลายเครียด การฝึกสมาธิ ไทเกก(ชี่กง-ไทจี้) โยคะ ซึ่ง ช่วยทำให้การหายใจเข้า-ออกช้าลงอย่างน้อยวันละ 10 นาที
  3. ฝึก แสดงความชื่นชม การแสดงความชื่นชมควรเน้นที่การกระทำ ไม่ว่าใครทำอะไร ดีๆ ควรแสดงความชื่นชมเสมอ
  4. หา เครือข่ายสังคม
  5. ช้ปฏิทิน วางแผนว่า จะทำอะไรก่อนหลังลงบนปฏิทิน อย่าปล่อยให้เรื่องวุ่นๆ รกสมองจนล้นทะลัก
  6. ลำดับ ความสำคัญ (list) เขียนไปเลยว่า จะทำอะไรก่อน-หลัง(ตามความรีบ ด่วน)
  7. ให้ รางวัลตัวเองบ้าง เวลาเราทำอะไรดีๆ สำเร็จ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรฝึก ให้รางวัลตัวเอง
  8. นอน ให้พอ ควรนอนวันละ 7 ชม.



*************** ^_________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2009/04/11/12723/

กินดีๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี

กินดีๆ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
สุขภาพจะดีได้ ถ้าเราเลือกกิน เลือกแต่สิ่งดีๆให้ร่างกาย
  1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยกินอาหารให้หลากหลาย และกินให้สัมพันธ์กับน้ำหนักตัว ดังนั้นอย่าลืมชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อจะได้ทราบว่าเราควรจะกินอาหารให้มากขึ้นหรือว่าน้อยลง
  2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้ง คือควรกินข้าวอย่างสม่ำเสมอ และควรกินข้าวซ้อมมือที่มีวิตามิน แร่ธาตุมากกว่า และควรกินสลับกับอาหารประเภทแป้ง เช่น ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน เป็นบางมื้อ เพราะอาหารประเภทแป้งมีใยอาหารน้อยกว่าข้าว
  3. ควรกินพืชผักและผลไม้เป็นประจำ เพราะในพืชผักผลไม้นั้นมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร และยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่แก่เกินวัย
  4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ เพราะเป็นอาหารที่มีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไป
  5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย นมเป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และแร่ธาตุต่างๆ เหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนทุกวัย แต่ควรดื่มให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะคือ เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว
  6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ควบคุมปริมาณให้พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย
  7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด เพราะอาหารประเภทนี้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนและโรคความดันโลหิตสูง
  8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อนที่อาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และหากรับประทานอาหารที่เป็นอาหารสำเร็จรูป ควรอ่านฉลากให้ครบถ้วน ทั้งวันผลิตและวันหมดอายุ และควรล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
  9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากดื่มมากเกินไปจะมีผลทำให้ระบบสมองและประสาททำงานช้าลง ทำให้ขาดสติอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และยังก่อให้เกิดโรคตับแข็ง และการขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิดได้ด้วย



*************** ^___________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2012/06/20/31649/

สวยด้วยพรรณไม้

สวยด้วยพรรณไม้
วันนี้เอาสูตรความงามจากธรรมชาติมาฝากกัน สำหรับสาวๆที่ต้องการดูแลผิวหน้าของตนหรือผิวพรรณให้สวยงาม โดยไม่อยากเพิ่งพาหมอหรือแบบว่าอยากสวยแต่สู้ราคาเครื่องสำอางไม่ไหว
เอาสูตรแรกมาฝากกันก่อนถ้าชอบใจ คลิ๊กที่นี่เป็นการรวมเอาสมุนไพรสูตรธรรมชาติ
สูตรผสมจากพืชผัก ( ใบเตย )สูตรผสม
- ใบเตย 3 ใบ
- น้ำสะอาด ( เล็กน้อย )
วิธีผสม
นำใบเตยมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นรวมกับน้ำสะอาด จนละเอียดรวมเป็นเนื้อ
เดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน
โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่น
และเต่งตึง ขึ้นด้วยทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึงเดือน จะสังเกตเห็น


*************** ^_________^ ***************

ที่มา http://sakid.com/2006/06/02/759/

วิธีคิดอย่างเป็นสุข

วิธีคิดอย่างเป็นสุข
อยู่อย่างสุข ต้องคิดอย่างสุข
  1. มีความรัก เมตตา และมีน้ำใจให้สรรพสิ่งรอบตัว เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ กดลิฟต์รอคนอื่นๆ ขับรถอย่างมีน้ำใจ หยุดรถให้คนข้ามถนน และอย่าลืมส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้าง แค่นี้ ความสุขของคุณก็เริ่มขึ้นแล้ว
  2. มีความเชื่อมั่นและมีภูมิใจในตัวเองอยู่ตลอดเวลา ความคิดและคำพูดที่ว่า ฉันโง่ ฉันไม่เก่ง ฉันขี้เกียจ ฉันสวยน้อยกว่าคนอื่น เหล่านี้ลืมไปได้เลย คิดเสมอว่าเราเป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่าใคร
  3. ทำในสิ่งที่อยากทำอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องงานหลัก งานอดิเรก การเล่นกีฬา หรือกิจกรรมอื่นใดก็ตาม ถ้าชอบแล้วละก็ ทุ่มเททำไปให้เต็มที่แล้ว ความสุขจะหนีไปไหนเสีย
  4. มอบความไว้วางใจให้ผู้อื่นบ้าง เปิดใจให้กว้าง รับฟังทุกเสียงอย่างพิจารณา อย่างน้อยก็เป็นการแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบต่างๆ ลงได้บ้าง
  5. มองวันนี้อย่างมีความสุข โยนอดีตที่ไม่ดีหรือความผิดพลาดที่ไม่น่าจดจำทิ้งไป เหลือไว้แค่เป็นบทเรียน
  6. ยอมรับความจริงด้วยความเข้าใจ เพราะอยู่ดีๆ อาจถูกนินทาว่าร้าย หรือต้องกังวลกับสิ่งที่เข้ามากระทบกับชีวิต อย่าท้อแท้ หรือถอยหนีกับเรื่องราวแย่ๆพวกนี้ การถอยหรือหนีปัญหา อาจรู้สึกดีชั่วครั้งคราว แต่การเผชิญหน้ากับปัญหาทุกเรื่องอย่างเข้าใจและมีสติ เพียงเท่านี้ก็ยิ้มรับความสุขได้เท่าที่ต้องการ
  7. คิดพร้อมกับวางแผนการจับจ่ายใช้สอย และบริหารจัดการการเงินในกระเป๋าอย่างรอบคอบ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนการใช้เงินใกล้บ้าน


*************** ^_________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2012/05/06/31403/

สูตรหน้าใสกิ๊ก แบบธรรมชาติๆ

เก็บมาฝาก สูตรหน้าใสกิ๊ก แบบธรรมชาติๆ
  1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้ผิวหน้า : ล้าง หน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลไม่ปลอกเปลือกสัก ครึ่งผล ปั่นให้ละเอียด พอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก
  2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส : นำ แอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่น พอละเอียดได้ที่ก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วพอกชโลมให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก
  3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน : เตรียม โยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็กๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศให้ละเอียด แล้วนำพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก
  4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ : ผสม โยเกิร์ต 1 ถ้วย กับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากัน ชโลมให้ทั่วใบหน้า แล้วขัดๆ ถูๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี


*************** ^__________^ ***************

ที่มา http://sakid.com/2009/05/16/13436/

วิธีจัดห้องนอน ให้นอนหลับสบาย ทั้งกายและใจ

วิธีจัดห้องนอน ให้นอนหลับสบาย ทั้งกายและใจ  ห้องนอนควรอยู่ในที่อากาศโปร่ง มีลมเข้าออก
  1. ควรเปิดหน้าต่างห้องนอนทุกวันเพื่อให้อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น โดยเฉพาะในหน้าฝน
  2. ผึ่งผ้าคลุมเตียงทุกเช้า รวมไปถึงชุดเครื่องนอนต่างๆ เพื่อไล่กลิ่นตัว เหงื่อ และไรฝุ่นที่ติดอยู่ให้สลายไป
  3. ลดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้น้อยชิ้น และตั้งเตียงให้ห่างจากปลั๊กไฟ
  4. ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำจากไม้ธรรมชาติและปราศจากสารพิษ
  5. เวลาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ให้นำที่นอนออกไปผึ่งแดดสักครู่ อาจจะดูดฝุ่น หรือฉีดพ่นด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำมันยูคาลิปตัสเพื่อไล่ไรฝุ่น
  6. ห้องนอนควรมีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องตกแต่งน้อยชิ้น เพื่อสะดวกแก่การทำความสะอาด

************** ^_________^ **************


ที่มา http://sakid.com/2009/01/28/10415/

วิธีแก้ปัญหา เล็บเป็นสีเหลือง

วิธีแก้ปัญหา เล็บเป็นสีเหลือง
สะกิดมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ เรื่องเล็บเหลืองมาฝาก
สำหรับคนที่ชอบทาสีเล็บ เวลาล้างสีเล็บออกจะมีปัญหา เรื่องเล็บเหลืองบ่อยมาก วิธีแก้ง่ายๆคือ นำเปลือกมะนาว ที่บีบน้ำออกเรียบร้อยแล้ว มาถู ที่เล็บของเรา อย่าเพิ่งรีบล้างนะคะ ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยล้างออก ทำติดต่อกัน อย่างน้อย 1-2 อาทิตย์ ที่สำคัญ อย่าเพิ่งทาสีเล็บนะคะ ให้เล็บได้พักมั่ง

*************** ^_________^ ***************


ที่มา http://sakid.com/2007/07/15/6579/ 

เกร็ดความรู้ วิธีนวดหน้า รับลมหนาว

เกร็ดความรู้ วิธีนวดหน้า รับลมหนาว
วิธีทำ
  1. หลังบำรุงผิวในขั้นตอนสุดท้าย ให้ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างกดที่บริเวณริมฝีปากเเล้วค่อยๆ เลื่อนไปที่บริเวณใต้เเก้มไปจนถึงกรอบหน้า สลับเลื่อนเข้าและเลื่อนออก 3 ครั้ง
  2. ใช้ปลายนิ้วมือมือทั้ง 2 ข้างดันบริเวณกระพุ้งแก้มแล้วค่อยๆ ยกขึ้น ทำแบบนี้ 3 ครั้ง
  3. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดตรงปลายหางตา แล้วดึงออกด้านข้างอย่างเบามือ ทำสลับซ้ายขวา 3 ครั้ง
  4. ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดที่บริเวณกึ่งกลางหน้าผาก เลื่อนปลายนิ้วเข้าออกแบบสลับฟันปลา ทำ 3 ครั้ง
  5. ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดแก้ม โดยให้ปลายนิ้วอยู่ที่บริเวณรอบดวงตาเเละฝ่ามืออยู่ที่เเก้มกดลงเบาๆ แช่ไว้สักครู่เพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้ผิว ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น   


***************  ^_________^  **************

ที่มา http://sakid.com/2010/11/05/26727/

วิธีลดความอ้วน กินแป้งให้น้อยลง

วิธีลดความอ้วน กินแป้งให้น้อยลง
ลดความอ้วนแบบไม่ต้องอดอาหาร ด้วยการกินคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลง

แล้ววิธีลดคาร์โบไอเดรต ทำอย่างไรหล่ะ

  • ทำโดยการทานข้าวให้น้อยลง ทานกับข้าวให้มากขึ้น ทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว ที่ขัดสีออก
  • ทานของว่างให้น้อยลง ของว่างที่เราทานส่วนใหญ่ จะทำจากแป้ง และน้ำตาล เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ คุกกี้ ขนมเค้ก แต่ถ้าเราอยากทานของว่างจริงๆ แนะนำให้ทานถั่วดีกว่าค่ะ มีประโยชน์กว่าเยอะ
  • ลดการทานขนมปัง เพราะขนมปังทำมาจากคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ แถมยังเพิ่มความอ้วนด้วยการผสมน้ำตาลลงไปปรุงอีกต่างหาก ลดได้ ควรลดค่ะ

ถ้าลดคาร์โบไฮเดรตได้แล้ว ควรกิน ผัก ผลไม้เพิ่ม

ปกติ ถ้าเรากินคาร์โบไฮเดรตเยอะ ทำให้เราอิ่มเร็ว ผักผลไม้ เราก็แทบจะไม่ได้รับประทานเข้าไป มีผลไม้ติดตู้เย็นไว้สิคะ เมื่อหิว ก็หยิบผลไม้มากินทานขนมปัง

แล้วกินอะไรได้บ้าง

อยากลดความอ้วน ไม่ต้องอดอาหาร กินให้ครบ 5 หมู่ กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดแค่คาร์โบไฮเดรต ก็ช่วยได้เยอะแล้วหล่ะค่ะ แล้วต้องทำเป็นประจำสม่ำเสมอด้วยนะ ไม่ใช่ลดปริมาณแค่วันเดียว อาทิต์เดียว ถ้าแบบนั้น ลดยังไงก็ลดไม่ได้หรอกค่ะ กลับมาอ้วน เหมือนเดิมแน่ๆ

*************** ^_________^***************

ที่มา http://sakid.com/2012/07/04/31753/

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

7 เคล็ดลับเพิ่มความสูง :'D

วิธีทำให้สูง

1. เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
         ควรเน้นทานอาหารที่มีสารอาหารจำพวก วิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และน้ำให้มาก ๆ เพราะวิตามินหลาย ๆ ชนิดมีส่วนช่วยในการเติบโต เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 12 และ วิตามินดี เป็นต้น ส่วนแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างแคลเซียมและฟลูออไรด์ก็ช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรงขึ้น ไม่เปราะหักง่าย 

          นอกจากนี้ สารอาหารที่สำคัญที่สุดที่จะขาดไม่ได้ในแต่ละมื้อคือโปรตีน เพราะเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยในการเติบโต โดยสารอาหารจำพวกนี้สามารถหาได้จากนมและไข่ สุดท้ายคือน้ำ ที่จะช่วยให้เราขับของเสียออกจากร่างกายเพื่อรับสารอาหารใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นเราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 ถึง 8 แก้วเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง

 2. ทานอาหารให้พอดี
          ถ้าคุณอยากให้ส่วนสูงของตัวเองเพิ่มขึ้น ควรทานอาหารในปริมาณพอเหมาะ ถึงแม้ว่าคุณจะไดเอทอยู่ก็ไม่ควรลดปริมาณอาหารลง ควรลดอาหารจำพวกแป้งและไขมันให้น้อยลง แล้วทานอาหารอาหารอื่นเพิ่มแทน นอกจากนี้ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจะได้ช่วยในการไดเอทของคุณ และการยืดเส้นยืดสายก็ช่วยทำให้คุณสูงขึ้นด้วย


3. ทานให้ตรงเวลา
          ควรเลือกทานเป็นมื้อแทนการกินขนมจุบจิบระหว่างวัน และแต่ละมื้อก็ควรจะห่างกัน 4 - 5 ชั่วโมง เพื่อให้เวลาร่างกายเริ่มการสร้างเนื้อเยื่อที่ช่วยในการเจริญเติบโต นอกจากนี้ยังไม่นานเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกหิวระหว่างมื้ออีกด้วย 

 4. พยายามยืดตัวบ่อย ๆ
    การยืดตัวสามารถช่วยให้คุณสูงขึ้นได้ คุณควรพยายามยืดตัววันละสองครั้งตอนตื่นนอนและก่อนเข้านอน ด้วยวิธีง่าย ๆ คือเมื่อตื่นแล้วก็อย่าเพิ่งลุกจากเตียง ให้ชูแขนทั้งสองข้างขื้นและยืดทั้งขาและแขนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จึงค่อยลุก เพื่อเป็นการบิดขี้เกียจไปในตัว และอย่าลืมทำแบบเดียวกันก่อนจะเข้านอนทุกวัน


5. ออกกำลังกายด้วย
          กีฬาเช่นว่ายน้ำ และบาสเกตบอล นอกจากจะสนุกแล้วยังสามารถช่วยทำให้คุณสูงขึ้นได้ แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ชอบเล่นกีฬาแต่อยากให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้นสักนิด คุณก็สามารถทำได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ดังนี้ เริ่มแรกเอามือทั้งสองข้างอ้อมไปไว้ด้านหลังศรีษะ แล้วประสานมือเอานิ้วไขว้กัน วางไว้ที่หลังคอของตัวเอง จากนั้นก็ดันคอของคุณลงมาจนคางชิดกับอก ทำแบบนี้วันละ 20 ครั้ง ทำ 10 ครั้งแรก แล้วพักสัก 10 วินาที จึงค่อยทำอีก 10 ครั้ง

 6. นอนให้ถูกวิธี
          ควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 - 10 ชั่วโมง เพราะฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยให้เราสูงขึ้นจะถูกผลิตออกมาในเวลาที่เราหลับสนิทเท่านั้น นอกจากนี้เวลานอนควรเลี่ยงการนอนงอตัว เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังคดงอ ร่างกายเติบโตได้ไม่เต็มที่ คนที่ติดหมอนข้างก็ควรพยายามเลิกซะ และพยายามเปลี่ยนมานอนหงายแทน เพราะท่าที่เราใช้ในการนอนกอดหมอนข้างนั้นทำให้ขาพาดไปมาจนกระดูกโตได้ไม่เต็มที่

 7. ยืนตัวตรง ๆ
          การเดินหลังค่อมหรือยืนหลังงอเป็นประจำจะทำให้กระดูกคดงอผิดรูปร่าง ทำให้กระดูกไม่โต แถมยังทำให้เสียบุคลิกภาพ ดูเตี้ยลง อ้วนขึ้น แล้วยังดูขาดความั่นใจอีกด้วย นอกจากนี้ พอแก่ตัวไปกระดูกของคุณอาจคดจนไม่สามารถกลับมายืนตัวตรงได้อีก เพราะฉะนั้นพยายามฝืนตัวเองให้ยืนตรงบ่อย ๆ จนชิน เพื่อบุคลิกภาพที่ดี และส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น




***************  ^_________^  **************






เคล็ดลับผิวขาว



            1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

            2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

        3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

        4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

        5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

        6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

        7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

            8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

        9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

        10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

        11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

        12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้

           วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

       วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม 

      วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

                                                                                                    
      วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ


      วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน




***************  ^_________^  ***************



8 วิธีธรรมชาติที่จะทำให้ผมยาวเร็วขึ้น

14
1. เล็มปลายผมทิ้งไปบ้างจะทำให้ผมยาวเร็วขึ้นคุณจำเป็นที่จะต้องตัดปลายผมที่แตกปลายออกไป เพื่อให้ผมของคุณกลับมาสมบูรณ์ คุณอาจจะใช้เวลาว่าง หรือเวลาในช่วงเช้า เล็มปลายผมออกไปบ้างสักเล็กน้อย มันจะทำให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ค่ะ


22
2. นวดด้วยน้ำมันร้อนจะทำให้ผมยาวเร็วขึ้นการนวดผมหรือหมักผมด้วยน้ำมันร้อนๆ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ผมยาวเร็วขึ้น เพราะความร้อนที่ถูเข้าไปกับหนังศีรษะ มันจะไปช่วยกระตุ้นให้ผมของคุณยาวและหนานุ่มได้อีกด้วย\


31
3. ไข่ขาวช่วยบำรุงให้ผมยาวเร็วขึ้นคนจำนวนมากอาจจะไม่เชื่อว่าไข่ขาวช่วยเร่งให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ แต่คุณรู้ไหมว่า ไข่ขาวมีวิตามินผสมอยู่ เพียงแค่คุณแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วเอามาหมักผม นอกจากมันจะช่วยไปกระตุ้นรากผมให้ผมยาวเร็วขึ้นแล้ว มันยังจะช่วยให้ผมคุณมีสุขภาพที่ดีมากขึ้นด้วย


4
4. การดื่มน้ำเปล่าส่งเสริมให้ผมยาวเร็วขึ้นน้ำเป็นอะไรที่ธรรมชาติมากๆ ที่ทุกๆวัน เราทุกคนต้องดื่มมันเข้าไป ไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่ได้ดื่มน้ำ คุณรู้ไหมว่า น้ำเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดที่จะทำให้ผมยาวเร็วขึ้นได้มาก เพียงคุณดื่มน้ำประมาณ 8 แก้วต่อวัน ไม่เพียงแต่มันจะดีต่อร่างกายของคุณเท่านั้น มันยังช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นและแข็งแรงอีกด้วย 


5
5. แปรงผมของคุณแล้วผมยาวเร็วขึ้นในตอนเช้าๆ ที่คุณตื่นขึ้นมา หรือก่อนที่คุณจะนอนนั้น คุณควรจะเอาแปรงมาหวีผมของคุณบ้าง เพราะมันจะไปช่วยกระตุ้นรากผมของคุณให้ผมยาวเร็วขึ้น


5
6. ต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้นก็อย่าพยายามไดร์ผมบ่อยๆ
การเป่าผมให้แห้งด้วยไดร์ทุกวัน มันอาจจะช่วยประหยัดเวลาทำให้ผมแห้งเร็วขึ้น แต่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อผมของคุณเลยแม้แต่น้อย เพราะมันจะทำให้ผมของคุณแห้ง แตกปลาย และเป็นสัญญาณไม่ดีต่อสุขภาพผมของคุณ คุณลองลดการไดร์ผมลงไปบ้างซิ หลังจากนั้นสัก 2 อาทิตย์ คุณจะเห็นความแตกต่างเลยทีเดียว


CB064567
7. อยากผมยาวเร็วขึ้นต้องกินอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีน
คุณรู้ไหมว่า ความจริงแล้วการเลือกกินอาหาร มันก็ทำให้เกิดความแตกต่างด้านความยาวของผมได้เช่นกัน ถ้าคุณกินอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีน พวก ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ มันก็จะช่วยคุณให้ผมยาวเร็วขึ้นได้มากเลยทีเดียว


8
8. การรักษาอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศก็มีส่วนช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นการที่ผมจะยาวหรือสั้นนั้นบางทีแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะด้วย การรักษาสภาพอากาศนั้น หากคุณอยู่ในที่ ที่เย็นมากๆ หนังศีรษะคุณก็จะแห้งและจะทำให้ผมของคุณร่วงได้ แต่หากในที่ๆ ร้อนจัด จนหนังศีรษะคุณมัน มันก็จะไปอุดตันรูขุมขนคุณ ทำให้ผมไม่ยาวหรือว่าไม่ขึ้นมาได้ เห็นไหมว่า อากาศก็มีผลเช่นกัน

        นี่เป็นเทคนิคเล็กๆน้อย สำหรับช่วยให้คุณผมสั้นๆทั้งหลาย กลับมามีผมยาวเร็วขึ้น โดยไม่อาศัยสารเคมี หรืออาศัยผมปลอมอีกต่อไป ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว ว่าอยากมีผมสั้นหรือผมยาว




***************  ^_________^  ***************


ที่มา : http://beauty.yopi.co.th